พอเห็นคำว่า Luxury เราต้องนึกถึงความหรูหราขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหม แน่นอนว่าความหมายของมันคือความหรูหราและพิเศษ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เราเห็นคำว่า Luxury จนชินตา แต่บางครั้งก็ไม่อาจเอื้อมถึงเพราะความพิเศษต้องแลกมาด้วยการจ่ายเงินที่แพงขึ้น แม้กระทั่งการท่องเที่ยวที่นำคำนี้มาขึ้นต้น ทำให้มีความหมายชัดเจนว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบหรูหราตามแบบที่เราเข้าใจเดิม ๆ
นิยามของคำว่าเที่ยวหรูอยู่สบาย ไม่มีข้อจำกัด
คำว่าเที่ยวหรู อยู่สบายนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล คนรวยที่มีฐานะและพร้อมจะจ่ายเงินไปกับการท่องเที่ยวอันหรูหรา เริ่มตั้งแต่การเดินทางชั้นเฟิร์สคลาส พักโรงแรมหรูระดับห้าดาว การรับประทานอาหารที่ดีที่สุดตลอดทริป ใช้เงินแบบไม่ต้องจำกัดงบ จนบางครั้งเราอาจจะคิดว่าการเที่ยวแบบ Luxury คงจะทำได้กับเฉพาะคนรวยเท่านั้น ซึ่งก็เป็นความจริงอีกนั่นแหละ แต่ปัจจุบัน นิยามของคำว่า Luxury ได้ถูกตีความแตกต่างออกไปอีกนิดหน่อย
Luxury Tourism ไม่ได้เน้นแค่ความหรูหราของที่พักหรือการเดินทางแค่นั้นอีกต่อไป แต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวระดับกลางที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เริ่มมีรายได้ต่อปีที่มากขึ้น และต้องการท่องเที่ยวแบบ Luxury ที่เน้นการบริการทุกอย่างที่จะได้รับเพื่อให้ได้ความรู้สึกพิเศษ หรูหราขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ความหรูหราในแบบของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่นั้น กิจกรรมการท่องเที่ยวต้องมีความน่าสนใจ แปลกใหม่ น่าตื่นเต้นและไม่ซ้ำใคร สามารถเลือกหรือออกแบบโปรแกรมท่องเที่ยวได้เองตามใจฉัน ขึ้นอยู่กับความชอบ เช่น อาจจะอยากเที่ยวแบบสบาย ไม่เร่งรีบ หรือแค่มาเพื่อตามหาร้านอาหารที่อร่อยที่สุดและต้องไปกินให้ได้ หรือไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุด แต่ต้องการความเป็นส่วนตัวตลอดทั้งทริป แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าบริการในการอำนวยความสะดวกเหล่านี้เพิ่มก็ไม่เกี่ยง เรียกว่าจ่ายได้ไม่อั้นถ้าพอใจ
สิ่งสำคัญของการเที่ยวหรู อยู่สบาย หัวใจสำคัญคือประสบการณ์ในการมาเที่ยวในสถานที่นั้น ๆ แล้วเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ ประทับใจในทุกด้านของการบริการ ให้ความรู้สึกว่าพวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่มีความพิเศษมากกว่าใคร ๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดินเข้ามาเช็คอินที่โรงแรมแล้ว พวกเขาจะถูกจดจำชื่อโดยพนักงานต้อนรับ และจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้ว่าพักห้องอะไร และต้องการบริการพิเศษเช่นไร นี่อาจจะเป็นแค่ข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกประทับใจ เป็นต้น
การท่องเที่ยวแบบ Luxury Style นั้นเป็นที่นิยมมากขึ้นจากหลายปีก่อน โดยที่กลุ่มนักท่องเที่ยวสไตล์คนรวยไม่ได้จำกัดอยู่ที่เศรษฐีหรือคนรวยแค่นั้น แต่ยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เมื่อมีฐานรายได้เพิ่มขึ้น จึงอยากให้ของขวัญกับตัวเองหรือครอบครัวบ้างด้วยการตั้งเป้าหมายท่องเที่ยวอย่างหรูหราตลอดทริปในทุก ๆ ปี ยืนยันด้วยสถิติของสถาบันวิจัยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่น่าเชื่อถือแห่งหนึ่งว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y หรือคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังจ่ายเนื่องจากรายได้สูงขึ้นและใช้เงินซื้อความพอใจให้กับตัวเองตลอดเวลา หรือที่มักได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า Work Hard, Play harder นั่นเอง
ความหรูหราฟู่ฟ่านั้นไม่ว่าจะนิยามอย่างไรก็หนีไม่พ้นการแลกมาด้วยการจ่ายเงิน แม้จะให้คำนิยามให้แตกต่างอย่างไรก็ยังคงแฝงด้วยความหรูหราอยู่ในนั้นเสมอ ถ้าจะบอกว่าเงินไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างแต่ทุกอย่างที่เราอยากได้ต้องใช้เงินทั้งนั้น แม้แต่ไลฟ์สไตล์ที่เราต้องการและอยากได้มาก็ต้องใช้เงินเช่นกัน